รู้หรือเปล่าเรากำลังเข้า Technical recession กันแล้วหลังจาก GDP – 0.9% ? ว่าแต่ Recession ที่ผ่านมาเป็นยังไง ? และทำไมครั้งนี้ถึงน่าจะแตกต่าง ?
นิยามของ Recession คือช่วงระยะเวลาชั่วคราวที่เศรษฐกิจถดถอย การผลิตลดลง การซื้อขายใช้จ่ายลดลง ซึ่งปกติก็จะนิยามว่า การที่ GDP ถดถอยติดต่อกันเกิน 6 เดือน (2 ไตรมาส) = recression
ซึ่งจริงๆก็จะแบ่งได้อีก 2 แบบ ก็คือ Recession จริง (Recession)ที่เศรษฐกิจถดถอยเป็นระยะเวลานาน กับ Recession ในเชิงเทคนิค (Technical Recession) ที่เป็นการนับว่า GDP ถดถอยเกิน 2 ไตรมาสติดต่อกัน จะว่าง่ายๆก็คือ เป็นการนิยามที่นับจากตัวเลขเพียงเท่านั้นเอง
จะว่าง่ายๆก็คือ จากตัวเลข GDP ที่ออกมาเมื่อวานนี้ สหรัฐฯกำลังอยู่ในสภาวะ Technical recession เรียบร้อยแล้ว
มาดูเรื่องราวของ Recession ที่ผ่านมา 5 ครั้งกันดีกว่า
1. ปี 1980 – 1982
ในช่วงนี้มี Recession เกิดขึ้นด้วยกันถึง 2 ครั้ง แต่ที่แย่ที่สุดคือในปี 1982 สาเหตุมาจากการที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ ทำให้ฝั่งธุรกิจที่มีภาระกู้เยอะอย่าง การผลิตและการก่อสร้างเกิดแรงกดดัน ตามมาด้วยการเกิด Recession จะว่าไปก็คล้ายๆกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่
2. ปี 1990 – 1991
Recession ในรอบนี้มีอีกชื่อเรียกว่า ‘Flash Recession’ ซึ่งเป็น V-shape ที่ถดถอยได้ไม่นานก็ฟื้นอย่างรวดเร็ว คล้ายๆกับในช่วงโควิดในปี 2020
3. ปี 2001
วิกฤตนี้เป็นช่วงของฟองสบู่ Dot-com แตกหลังจากที่หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯพากันพุ่งสูงตั้งแต่ยุค 90 จนเกินมูลค่าไป ในตอนนั้น เป็นวิกฤตที่ถือว่ารุนแรงมาก เพราะกว่าที่ Nasdaq จะกลับมาได้ในตอนนั้นใช้ระยะเวลาถึง 14 ปี
4. ปี 2008
รอบนี้เป็นหนึ่งในการล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นก็คือช่วงของวิกฤตซับไพร์ม ที่ทำให้ธนาคาร, Hedge Funds, และบริษัทประกันเจอกับปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนสภาคองเกรสต้องเข้ามาช่วยเหลือรวมแล้วกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ฯเพื่อไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
5. ปี 2020 (COVID)
เป็นข่วงระยะเวลาสั้นๆที่เกิดขึ้นตามกระแสของโรคระบาดที่กินระยะไม่นานและที่สำคัญ ตลาดคริปโตฯใช้ระยะเวลาเพียง 7 สัปดาห์เท่านั้นก็สามารถกลับมาได้ ในขณะที่ S&P500 ใช้ระยะเวลาถึง 6 เดือน
สถานการณ์ในตอนนี้ต่างออกไปด้วยนโยบายการเงินเชิงรุกหลังจากโควิด ก่อนหน้านี้ ถ้าเราลงทุนในช่วงที่ GDP เริ่มติดลบและ TP ในตอนที่ GDP เริ่มกลับมา เราจะได้กำไรประมาณ 31%
อย่างไรก็ตาม ทั้งนโยบายการเงินและระยะเวลาต่างๆทำให้สถานการณ์ตอนนี้คล้ายๆกับในปี 1982 ที่ตลาดใช้ระยะเวลา 15 เดือนในการฟื้นตัว ซึ่งในฝั่งของคริปโตฯเองก็เป็นเวลาถึง 6.8 เดือนแล้วนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2022
ในระยะสั้นๆ การที่ GDP ยืนยันแล้วว่ากำลังเกิด Recession เป็นผลดีต่อหุ้นและคริปโตฯแล้วส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า Fed จะไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกแบบที่เคยทำมาได้
แต่ท้ายที่สุด การที่เศรษฐกิจถดถอยและทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนต่างๆก็ยังเป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อมองไปถึงผลกระทบระยะยาวในอนาคต