Tether เจอ DDOS Attack ดัน Request เข้าเว็บไซต์ +400,000%
DDOS (ดีดอส) เป็นชื่อหนึ่งของการโจมตีบนโลกอินเตอร์เน็ตที่เรียกได้ว่าร้ายแรงเป็นอันดับต้นๆพอๆกับระเบิดในสงครามเลย ซึ่งคำนี้ย่อมาจาก ‘Distributed Denial of Service’ ที่แปลว่าปฏิเสธการให้บริการเป็นวงกว้าง หมายความว่า การโจมตีแบบดีดอสนี้จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ถูกโจมตีจะไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราวจนกว่าจะถูกแก้ไขนั่นเอง
เหยื่อรายล่าสุดของการโจมตีแบบนี้ก็คือ Tether เหรียญ stablecoin และยังเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตฯที่ใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่า Market Cap. ในวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา
CTO ของ Tether ระบุว่าเว็บไซต์ได้รับ Ransom Request จากแฮคเกอร์ ซึ่งจริงๆแล้ว นี่ไม่ใช่การโจมตีเป็นครั้งแรกเพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
ในรอบนี้ เว็บไซต์ของ Tether ได้รับ Request เข้ามาสูงถึง 8 ล้าน Request / 5 นาที ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าปกติที่จะได้รับประมาณ 2 พัน Request / 5 นาทีเท่านั้น มากขึ้นถึง 400,000%
หลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าได้รับ Request เยอะขนาดนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ? ลองนึกภาพว่าเซเว่นสาขาหนึ่งปกติก็จะมีคนเข้ามาใช้ประมาณ 20 คนเท่านั้น ซื้อเสร็จแล้วก็เดินออกไป แต่พอเซเว่นสาขานี้โดน DDOS เข้าไปทำให้มีคน 80,000 คนมารุมเข้าเซเว่นสาขาเดียวพร้อมกัน ผลก็คือเซเว่นก็จะไม่สามารถให้บริการได้ อาจจะเป็นเซเว่นแตกในลำดับถัดไป
กลับมาที่เว็บไซต์ของ Tether ถ้าอยู่ๆใครซักคนเข้าไปที่เว็บไซต์แล้วเจอ 502 Error ในตอนที่เว็บล่ม อีกไม่นานก็จะมีข่าวลงเต็มอินเตอร์เน็ตแน่นอน ซึ่งจะส่งผลเสียมาทั้งความเชื่อใจและความเชื่อมั่น รวมไปถึงรายได้ของ Tether ในอนาคตอีกก็ได้
ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว อย่างที่หลายๆคนรู้ Tether กำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้กับหลายๆทางเพื่อให้สามารถรักษาตำแหน่งเหรียญ Stablecoin อันดับ 1 ได้ หลังจากการโดนตรวจสอบหลายครั้งทั้งเรื่องของสินทรัพย์ค้ำสำรองและการตรึงมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
เดือนที่ผ่านมา Market Cap. ของ $USDT ลดลงต่ำกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ลงมาจากจุดสูงสุดที่ 8.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯถึง 20%
ในช่วงที่ $UST ล่มสลาย $USDT ก็เจอกับสถานการณ์การถอนเงินออกจากกองทุนถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่ง Tether เองก็ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นีว่าบริษัทมีประสิทธิภาพแค่ไหนที่ยังสามารถรองรับการถอนเงินออกถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งหลักอย่าง $USDC ก็ยังคงถูกมองว่าเปิดกว้างมากกว่าและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ตามปริมาณหมุนเวียนในระบบที่เพิ่มมากขึ้นและมูลค่า Market Cap. ที่เพิ่มขึ้น 14% นับจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา